
เคยมีคำพูดที่บอกไว้ว่า ความงามที่แท้จริง คือความไม่สมบูรณ์แบบ การที่เราไล่ไขว่คว้าหาความสมบูรณ์แบบอยู่ฝ่ายเดียว มันก็เหมือนกับการพยายามวิ่งอ้อมรอบโลกเพื่อไล่เงาตัวเองที่อยู่ด้านหลัง คือมันเป็นไปไม่ได้เลย ที่มันจะมีความสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อคุณคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว วันหนึ่งมันย่อมมีสิ่งที่ดีกว่า เราจะไปซีเรียสเรื่องแบบนี้ทำไม ใช่มั้ยล่ะ ลองถอยตัวเองมาอยู่กับความเรียบง่าย พอใจในสิ่งที่เราชอบก็พอแล้ว มันจึงเป็นที่มาของเทรนด์สุดเรียบง่าย แต่แสดงความเป็นตัวเองสูงมาก นั่นก็คือ "วาบิซาบิ" นั่นเองครับ
วาบิซาบิ คืออะไร

วาบิซาบิ เป็นเทรนด์การแต่งบ้านแบบใหม่ที่กำลังมาแรงที่สุดในช่วงต้นปี 2018 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศญี่ปุ่น จึงมีกลิ่นอายความเป็นมินิมอลแฝงอยู่หน่อยๆ แต่สำหรับวาบิซาบิจะแตกต่างจากมินิมอลตรงที่ การเน้นไปที่ตัวผู้อยู่อาศัยมากกว่าสิ่งของ พูดง่ายๆคือตามใจฉันนั่นแหละ ส่วนคอนเซ็ปต์หลักของวาบิซาบิก็จะเน้นที่ความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ โดยมีแนวคิดสำคัญอยู่ที่การมองหาความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความไม่สมบูรณ์แบบ หรือเรียกได้ว่าเป็นการยอมรับสิ่งของต่างๆ ในแบบที่มันเป็น แล้วนำสิ่งของชิ้นนั้นๆ กลับมาใช้ประโยชน์ตามจุดมุ่งหมาย โดยไม่ต้องไปหาซื้อสิ่งของชิ้นใหม่มาทดแทน โดยการแต่งบ้านแบบนี้จะไม่มีผิด ไม่มีถูก เพราะขึ้นอยู่กับประโยชน์ ความสวยงาม และประวัติของสิ่งของแต่ละชิ้นนั่นเอง
วาบิซาบิ มีที่มาอย่างไร

เดิมทีวาบิซาบิไม่ใช่เทรนด์การตกแต่งบ้าน แต่เป็นปรัชญาของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 โดยมีรากฐานมาจากศาสนาพุทธ ซึ่งปรัชญานี้เป็นปรัชญาที่สอนให้เรามองหาความสงบสุขบนโลกที่แสนจะวุ่นวาย การยอมรับในสิ่งที่มีหรือสิ่งที่เป็น มากกว่าการไปเสียเวลากับการใฝ่หาสิ่งใหม่ที่ดีกว่า หรือในการแต่งบ้านก็คือ สอนให้เรามองหาความสวยงามในความไม่สมบูรณ์จากสิ่งของต่างๆ และมีความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว
คอนเซ็ปต์การแต่งบ้านแบบวาบิซาบิหลักๆ มีอยู่ 3 อย่าง คือ

1. ใช้วัสดุจากธรรมชาติ
นักออกแบบส่วนใหญ่จะเลือกใช้สิ่งของที่มาจากธรรมชาติในการตกแต่งแบบวาบิซาบิ เพราะเทรนด์นี้เป็นเทรนด์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ อีกทั้งสิ่งของที่มาจากธรรมชาติยังสามารถเข้ากันได้ดีกับการแต่งบ้านทุกสไตล์เลยด้วย แต่ไม่ว่าสิ่งของต่าง ๆ จะทำมาจากอะไร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันต้องเป็นของแท้ที่ตรงกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย

2. ทำทุกอย่างให้เรียบง่าย
หลักสำคัญสุด ๆ อีกอย่างในวาบิซาบิก็คือความเรียบง่าย แค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น จัดวางทุกอย่างแบบง่าย ๆ เพราะของทุกชิ้นต่างก็มีเอกลักษณ์และความสวยงามในตัวเองอยู่แล้ว

3. เน้นความไม่เพอร์เฟค
ด้วยความที่คอนเซ็ปต์ของวาบิซาบิ คือ การมองหาความสวยงามจากความไม่สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นการตกแต่งบ้านแบบนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ใช้ข้าวของที่เก่า แตก หรือมีลักษณะไม่ปกติ มาตกแต่งบ้านได้อย่างสบายใจ รวมถึงยังเป็นการปล่อยให้ข้าวของต่าง ๆ เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งอะไรมากเลยด้วย แต่ว่ายังไงก็ต้องแยกระหว่างความไม่เพอร์เฟคกับความรกให้ออกด้วย
เคล็ดลับแต่งบ้านแบบวาบิซาบิ

1. ซื้อแต่ของที่ใช่ ที่สวย หรือที่ชอบ มาประดับตกแต่งบ้านเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเลือกของที่เพอร์เฟค ตามเทรนด์ หรือไปหาของเก่า ๆ มาตกแต่งบ้านโดยไม่จำเป็น

2. ใช้สีแบบธรรมชาติหรือสีเอิร์ทโทนในการตกแต่ง เพราะโทนสีนี้จะให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ช่วยให้ดูกว้างข้าง และทำให้บรรยากาศดูสงบได้

3. เน้นงานแฮนด์เมด หรือเครื่องปั้นดินเผาที่ไม่ต้องเป๊ะ เพราะสิ่งของพวกนี้เป็นสิ่งของที่ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ แต่กลับมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เราสามารถองเห็นความสวยงามจากความไม่เพอร์เฟคเหล่านี้ได้ง่าย ซึ่งก็เข้ากับคอนเซ็ปต์ของวาบิซาบิได้ดี อีกทั้งของประเภทนี้ยังเป็นของพิเศษที่มีแค่ไม่กี่ชิ้นเองด้วย

4. ปล่อยข้าวของต่างๆ ไปตามธรรมชาติ เช่น รอยยับบนผ้าม่านหรือผ้าปู ไม่จำเป็นต้องดึงหรือรีดให้เรียบเนี้ยบทุกวัน ปล่อยให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นบ้างก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องอย่าปล่อยให้รกเกินไปด้วยนะ

5. นำข้าวของเก่ากลับมาใช้ เพราะของเก่า ๆ ที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นปู่-ยา ตา-ยาย หรือตกทอดมาจากพ่อ-แม่ หรือของเก่านั้น ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ไม่จำเป็นต้องขัดให้เงาวิ้ง ถ้าสีจะดูเก่าบ้างก็ไม่เป็นไร

6. ไม่จำเป็นต้องตกแต่งด้วยดอกไม้เสมอไป เพราะกิ่งไม้ที่ร่วงอยู่ ก็สามารถนำมารวม ๆ กันตกแต่งบ้านแบบธรรมชาติได้

7. เปลี่ยนการใช้เครื่องมือที่ทันสมัย มาใช้เครื่องมือแบบธรรมชาติ แม้ว่าเครื่องมือที่ทันสมัยจะเร็วและสะดวกกว่า แต่หากอยากได้บรรยากาศแบบวาบิซาบิล่ะก็ ต้องใช้เครื่องมือที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติจะเหมาะสุด

8. ผนังแบบธรรมดา เก่าๆ โทรมๆ เห็นโครงสร้างเดิม เหมือนสร้างไม่เสร็จ เป็นอะไรที่ดูเข้ากันมากกับสไตล์วาบิซาบิทีเดียว

9. ลดสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้ลง เก็บไว้แต่สิ่งของที่ต้องใช้หรือสิ่งของที่ทำให้เรามีความสุขก็พอ และที่สำคัญต้องเหลือไว้ให้พอใช้ด้วย

10. ผ่อนคลาย ปล่อยวาง ไม่ต้องคำนึกถึงความเพอร์เฟคอะไรมาก แค่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น เท่านี้ก็จะทำให้เรามีความสุขกับสิ่งรอบข้างได้แล้ว
สิ่งที่หลายๆ คน มักจะใฝ่หากัน ก็คือความสมบูรณ์แบบ บางคนตามหามาทั้งชีวิตก็ยังไม่เจอสักที แต่ถ้าหากเรารู้จักการ "ปล่อยวาง" เราจะมีความสุขในชีวิตมากขึ้นครับ เรื่องบ้านก็เช่นกัน หากคุณไม่รู้จักความพอใจ ใส่นั่นใส่นี่เข้าไป สุดท้ายแล้วคุณจะไม่มีความสุข กับการคิดว่าจะต้องทำอะไรต่อไปจึงจะออกมาเพอร์เฟค ลองปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองดูสักนิดครับ แล้วมองสิ่งรอบข้าง พอใจในสิ่งที่เรามีก็พอครับ ของทุกชิ้นมีความงามในตัวของมันอยู่แล้ว หามันให้พบ แล้วคุณ...จะพบกับความสุขครับ

"พยายาม...อย่าพยายาม"