
“ การจัดสวนในบ้าน เป็นเรื่องสำคัญสำหรับบ้านในยุคปัจจุบัน ยกตัวอย่างการจัดบ่อน้ำพุในสวนของบ้าน ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว น้ำ เป็นพลังที่เรียกทรัพย์ เสริมสร้างสิริมงคลให้กับบ้าน และน้ำที่ดีจะต้องไหลตลอดเวลา ห้ามหยุดนิ่ง แล้วการจัดสวนตามหลักฮวงจุ้ยนั้น จะต้องเลือกอย่างไร จัดวางตรงไหน และมีข้อห้ามอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ ” 

ทิศของน้ำพุที่ดี
ทิศของปากัวนั้นเป็นเครื่องมือในศาสตร์ของฮวงจุ้ยที่ใช้หาพลังงานในทิศต่างๆ แต่ในเรื่องของความหมายในการวางน้ำพุนั้นจะยกทิศที่ดีมาแนะนำ 3 ทิศ ดังต่อไปนี้

- ทิศเหนือ : จะช่วยส่งเสริมให้หน้าที่การงานดี มีความเจริญก้าวหน้า มั่นคง ราบรื่น โอกาสดีๆ ในชีวิตเกิดขึ้นมากมาย (ตำแหน่งเข็มทิศ 337.5 ถึง 22.5)
- ทิศตะวันออก : ทิศนี้จะดีต่อครอบครัว ให้อยู่กันอย่างมีความสุข ร่มเย็น มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี แข็งแรง มีความรักใคร่กันกลมเกลียว (ตำแหน่งเข็มทิศ 67.5 ถึง 112.5)
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ต่ำแหน่งนี้ช่วยส่งเสริมความมั่งคั่งร่ำรวย มีความอุดมสมบูรณ์ เงินทองไหลมาเทมา (ตำแหน่งเข็มทิศ 112.5 ถึง 157.5)

เลือกน้ำพุ อย่างไรดี ตามหลักฮวงจุ้ย
นอกจากเลือกตามความชอบแล้ว ในความชอบนั้นก็อยากจะให้คำนึงถึงหลักฮวงจุ้ยสักนิด เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับทุกคนในบ้าน ซึ่งสิ่งที่จะต้องดูมีดังนี้
- ความลึก : ไม่ว่าคุณจะทำเป็นบ่อ หรือเป็นวัสดุอุปกรณ์ในการเก็บกักน้ำ ความลึกเป็นสิ่งสำคัญเพราะระดับน้ำนั้นหมายถึงเงินทองที่จะไหลเข้ามา อย่าใช้บ่อตื้นจนเกินไป ให้ดูความลึกที่กำลังพอเหมาะ
- ทรง : ถ้าให้แนะนำอยากให้ใช้บ่อที่เป็นวงกลม หรือขอบบ่อควรจะเป็นเส้นโค้งมากกว่าเส้นตรง
- ขนาด : ขนาดใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ สำคัญที่พื้นที่มีมากแค่ไหน ถ้าสวนมีบริเวณเยอะก็ควรจะเลือกน้ำพุที่มีขนาดใหญ่หน่อย แต่ถ้ามีบริเวณไม่มากให้เลือกตามขนาดสวน ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความพอดี

ซึ่งบ่อน้ำ หรือสระน้ำพุที่เป็นรูปทรงกลม และมีขอบรอบสระน้ำที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ใกล้อาคารบ้านเรือนจะส่งผลทำให้ เกิดโชคลาภเพิ่มพูนขึ้นแก่ผู้อยู่อาศัย และเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงิน

ข้อควรรู้ และข้อห้ามก่อนจัดน้ำพุและบ่อน้ำ ตามหลักฮวงจุ้ย
ห้ามจัดวางน้ำพุและบ่อน้ำบริเวณทิศใต้ เพราะเป็นทิศธาตุไฟ ถ้านำไปตั้งธาตุน้ำจะเป็นการนำน้ำไปดับไฟ อาจส่งผลเสียในเรื่องของความเจริญก้าวหน้าได้
ไม่ควรจัดน้ำพุ หรือ บ่อเลี้ยงปลาไว้บริเวณหลังบ้านหรือสวนหลังบ้าน เนื่องจากจะส่งผลในเรื่องของสุขภาพที่ไม่ค่อยดี
แม้อยู่ในทิศที่ดี ก็ห้ามวางน้ำพุไว้บริเวณ ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ และ ใต้บันได อาจจะทำให้พบเจอกับปัญหา อุปสรรคต่างๆ ตามความเชื่อศาสตร์ของฮวงจุ้ย
มองจากทางด้านในออกไปยังไปข้างนอก ไม่ควรวางน้ำพุไว้บริเวณด้านขวาของประตูบ้าน เพราะจะส่งผลเสียในเรื่องของความรัก ความสามัคคี ภายในครอบครัว
กระแสน้ำที่ไหลเวียน ก็เปรียบเสมือนเงิน ทอง อย่าให้น้ำหยุดไหลหรือหยุดนิ่ง
บ่อน้ำต้องไม่ตื้นจนเกินไป จะส่งผลเสียต่อด้านการเงิน เนื่องจากระดับความลึกของบ่อน้ำ จะสื่อถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ

ความหมายรูปทรงของสระน้ำ หรือ บ่อน้ำพุ
- ทรงกลม และมีขอบรอบสระน้ำที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ใกล้อาคารบ้านเรือนจะส่งผลทำให้ เกิดโชคลาภเพิ่มพูนขึ้นแก่ผู้อยู่อาศัย และเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงิน
- ทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และตั้งอยู่ในระยะที่ห่างจากอาคารบ้านเรือนพอสมควรจนพลังหยินไม่สามารถจะก่อกวนผู้อยู่อาศัยได้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีโชคมีลาภ
- ทรงเหลี่ยม เช่น สามเหลี่ยม ทรงคางหมู จะทำให้ผู้อยู่อาศัยภายใน บ้านเรือนมีธุรกิจการงานที่ไม่มั่นคงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่จะกลับเป็นผลดีต่อผู้มีอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง
- ทรงของผลน้ำเต้า จะทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในอาคารบ้านเรือนมีเคราะห์ร้าย ประสบอุบัติเหตุได้ง่าย และมีสุขภาพที่ไม่ค่อยจะดี
- ทรงจันทร์เสี้ยวที่หันส่วนโค้งเข้าหาตัวอาคารบ้านเรือนจะทำให้ ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนมีชีวิตที่ไม่ค่อยจะเป็นสุข และโชคลาภเสื่อมถอย

หลักการจัดสวน ตามหลักฮวงจุ้ย
1. ตำแหน่งสวนควรอยู่ทางทิศตะวันออก
การกำหนดพื้นที่สำหรับจัดสวนภายในบริเวณบ้านถือเป็นสิ่งแรกที่จะต้องพิจารณา การที่ตำราระบุว่า สวนควรอยู่ทางทิศตะวันออก ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าทิศตะวันออกเป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงแดดใน ยามเช้าจะช่วยส่งเสริมต้นไม้ให้มีความงอกงามและเขียวสดเพราะเป็นแสงที่ไม่แรงจนเกินไป
2. สวนต้องครบองค์ประกอบของธาตุทั้ง 5
ธาตุทั้ง 5 คือ น้ำ, ไม้, ไฟ, ดิน และทอง สวนที่ดีจะต้องประกอบไปด้วย ต้นไม้(ธาตุไม้) น้ำตก น้ำพุ อ่างบัว บ่อปลา(ธาตุน้ำ) แสงแดดส่องถึง(ธาตุไฟ) มีดินที่สมบูรณ์(ธาตุดิน) และที่สำคัญจะต้องมีการตกแต่งสวนอย่าง สวยงาม(ธาตุทอง) ไม่ใช่ปล่อยให้รกรุงรัง กลายเป็นป่ามากกว่าสวน

3. น้ำตกในสวนจะต้องหันหน้าน้ำตกเข้าบ้านเสมอ
การตกแต่งสวนโดยมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องในทางฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่าจะต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรณีของน้ำตก ที่มีการไหลของน้ำไม่เหมือนอย่างอื่น "หน้าน้ำตกจะต้องหันเข้าบ้าน ห้ามหันออกนอกบ้าน" เพราะการหันออกนอกบ้านจะหมายถึงการเงินไหลออก เพราะน้ำแทนความหมายของโชคลาภการเงินนั่นเองนี่เป็นกฎเกณฑ์ที่จะต้องจำไว้ในการแต่งสวน

4. บ่อน้ำ สระน้ำรูปทรงต้องไม่ร้าย
การขุดบ่อน้ำหรือสระน้ำในสวนนั้นสิ่งที่จะต้อง คำนึงถึงก็จะเป็นเรื่องของรูปทรงของสระนั้น ในทางฮวงจุ้ยจะให้ใช้รูปทรงที่ไม่ทำร้ายคนในบ้านเช่น รูปทรงที่เป็นเหลี่ยม รูปทรงขนมเปียกปูน สามเหลี่ยม เป็นต้น ควรใช้รูปทรงโค้งมนหรือวงกลม จะถือว่าดีที่สุด

5. ก้อนหิน
วางผิดเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง หินมาตกแต่งสวนต้องระวังให้มาก โดยเฉพาะก้อนหินใหญ่เพราะในทางฮวงจุ้ย ก้อนหิน จะหมายถึงอุปสรรค การเลือกก้อนหินในการแต่งสวนจะต้องเลือกก้อนที่มีลักษณะกลมมนห้ามเป็นเหลี่ยมคม หรือมีมุมแหลมก้อนหินที่มีรูก็เป็นลักษณะต้องห้ามเช่นกัน ตำแหน่งในการวางส่วนใหญ่จะวางบริเวณมุมบ้าน ห้ามวางไว้หน้าบ้านหรือบริเวณที่ตรงกับประตูบ้าน
6. บ้านเล็ก ห้ามปลูกต้นไม้ใหญ่
บ้านที่มีขนาดเล็กมีพื้นที่จำกัดในการจัดสวนอย่างบ้านทาวน์เฮ้าส์ ห้ามเอาต้นไม้ใหญ่มาปลูก เพราะจะก่อผลเสียมากกว่าผลดี สิ่งที่มองเห็นได้ชัดก็คือ ต้นไม้ใหญ่จะทำลายฐานบ้านและกิ่งก้าน ของต้นไม้ยังทำลายตัวบ้านอีกด้วย

7. หลีกเลี่ยงไม้หนามในการแต่งสวน
เรื่องต้นไม้ที่มีหนามแหลมในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าเป็นข้อห้ามอยู่แล้วเพราะหนามที่แหลมคมจะส่ง ผลกระทบต่อคนในบ้านได้ แต่บางคนอาจจะสงสัยว่าต้นไม้อย่าง เฟื่องฟ้า โป๊ยเซียน ที่คนนิยม นำมาปลูกในบ้านทำไมถึงไม่ห้ามความจริงแล้วไม้หนาม อย่างเฟื่องฟ้าหรือโป๊ยเซียนก็เข้าข่ายเป็นต้นไม้ต้องห้ามเหมือนกัน เพราะมีหนามแหลม เพียงแต่ว่า ชื่อของต้นไม้เป็นมงคลเท่านั้น และต้นเฟื่องฟ้าส่วนใหญ่ จะนิยมปลูก ริมรั้ว หรือ กำแพงซึ่งกลับเป็นผลดีในแง่ของการป้องกันสิ่งไม่ดีเข้าบ้าน
“ สำหรับใครที่ต้องการจะจัดสวน หรือเพิ่มน้ำพุให้กับบ้านของคุณตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ก็ควรจะหาพื้นที่เลือกตำแหน่ง หารูปทรงของน้ำพุที่ดี เพราะจะช่วยเสริมพลังให้คนในบ้านมีความสุข มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา นอกจากจะเสริมฮวงจุ้ยแล้ว ยังทำให้บรรนากาศภายในบ้านดีขึ้น ได้ยินเสียงน้ำไหล และมีความสงบร่มเย็นอีกด้วย ” 