
ห้องพระ คืออีกห้องของบ้านที่เป็นที่พักผ่อนจิตใจ ยึดเหนี่ยวจิตใจของทุกคนในบ้าน ในสถานที่นี้ ไม่ว่าจะจัดแบบใหญ่โต เป็นทางการ หรือจัดแบบเล็กๆ สมถะ แค่ให้พอเป็นที่พึ่งทางใจ ก็ล้วนมีความสำคัญด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้ก็เพราะว่า ห้องพระคือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้าน แล้วเราควรจะจัดห้องพระอย่างไรบ้าง ถึงจะถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ไปติดตามกันเลยดีกว่าครับ

1. ห้องพระควรอยู่บนตำแหน่งที่สูงที่สุดของบ้าน
ห้องพระที่ดีควรอยู่ชั้นบนของบ้าน ไม่ใช่ชั้นล่าง เพราะถ้าว่ากันตามหลักพื้นฐานแล้วก็คือ พระพุทธรูปเป็นของสูง เป็นสิ่งควรสักการะ ดังนั้นไม่ว่าบ้านจะมีกี่ชั้น ก็ควรจะวางไว้ชั้นบน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้องพระจะวางไว้ชั้นล่างไม่ได้ แต่จะมีการเลือกพื้นที่เป็นข้อจำกัด เพราะชั้นล่างจะมีห้องต่างๆอยู่เช่น ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ เป็นต้น
2. ห้องพระควรเป็นห้องที่เงียบสงบ
ห้องพระไม่ควรอยู่ติดกับห้องที่มีการใช้งานวุ่นวาย เช่น ติดกับห้องโฮมเธียเตอร์ที่มีเสียงดังจากทีวี วิทยุ หรือแม้กระทั่งติดกับห้องครัว เพราะอาจจะถูกรบกวนจากเสียงและกลิ่นได้ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่สนับสนุนว่าห้องพระนั้นควรอยู่ชั้นบนมากกว่าชั้นล่าง เพราะชั้นบนส่วนใหญ่แล้วจะเป็นห้องนอน ความสงบจึงมีมากกว่าชั้นล่างนั่นเอง

3. ห้องพระควรอยู่ห่างจากห้องน้ำ
ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว ห้องน้ำนับว่าเป็นธาตุน้ำ ห้องพระนับว่าเป็นธาตุไฟ ตามกฎเบญจธาตุหรือนั้น ธาตุน้ำจะพิฆาตธาตุไฟ ดังนั้นแล้ว บ้านไหนที่เอาห้องพระวางติดกับห้องน้ำ ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระอาจเสื่อมได้เนื่องถูกพลังของธาตุน้ำบั่นทอน แต่หากมีบริเวณบ้านจำกัดจริงๆ จนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ วิธีแก้ไขคือ ไม่ควรวางองค์พระพิงกับผนังห้องน้ำ และควรหาตู้มาพิงด้านที่เป็นกำแพงห้องน้ำด้วย วิธีนี้จะช่วยแก้ ฮวงจุ้ยห้องพระ ได้ในระดับหนึ่ง
4. ควรอยู่ในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ห้องพระควรอยู่ในตำแหน่งที่มีการระบายอากาศได้ดี เพราะการบูชาพระ จะต้องมีการจุดธูป เทียน ซึ่งหากห้องเป็นตำแหน่งที่มีอากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวกแล้วล่ะก็ จะทำให้ไม่เป็นการรบกวนสมาธิของผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมภายในห้องนั้น อีกทั้่งยังช่วยลดอันตรายจากควันไฟ และเปลวเทียนไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วยล่ะ

5. ห้องพระไม่ควรอยู่ติดกับห้องนอน
หากบ้านใครที่ห้องพระติดกับห้องนอน สิ่งที่ต้องระวังคือ เรื่องของการวางเตียงหันปลายเท้าไปหาห้องพระ และในกรณีที่หันหัวเตียงไปทางห้องพระ ต้องพิจารณาดูก่อนว่า ตำแหน่งขององค์พระ หรือโต๊ะหมู่บูชาอยู่ติดกับหัวเตียงหรือไม่ เพราะถ้าติดกัน เวลานอนบนเตียงอาจได้รับอิทธิพลจากพลังของธาตุไฟ อาจทำให้ปวดหัวง่าย หรือเกิดอาการนอนไม่ค่อยหลับ
6. ทิศทางของการตั้งห้องพระ
ฮวงจุ้ยห้องพระที่ดีนั้นควรจะหันไปทางทิศตะวันออก หรือ ทิศเหนือ ซึ่งตามความเชื่อแล้วจัดว่าเป็นทิศมงคล แต่ถ้าหากไม่สามารถเลือกตำแหน่งของห้องพระให้เป็นไปตามทิศดังกล่าวได้ ให้ตั้งหิ้งพระ และองค์พระหันหน้าไปทางนั้นๆ แทนก็สามารถช่วยสร้างความเป็นมงคลได้เช่นกัน

7. หิ้งพระควรหันไปทางประตู
นอกจากควรตั้งหิ้งพระหรือห้องพระไปทางทิศเหนือของบ้านแล้ว หิ้งพระและมุมที่วางพระควรตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าบ้าน โดยหันหน้าชนกับประตูบ้าน ซึ่งตามหลัก ฮวงจุ้ยห้องพระ แล้วตำแหน่งนี้ถือว่ามีฤกษ์ดีและจะช่วยส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้บ้านได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะตัวเจ้าของบ้านหรือแขกที่มาบ้านก็ต้องแสดงความศรัทธาต่อหิ้งพระก่อนเป็นอันดับแรก อีกทั้งการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ในตำแหน่งนี้ ยังเชื่อกันว่าจะสามารถช่วยปกป้องคุ้มครองคนในบ้านให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้ด้วย
8. หิ้งพระควรหันหน้าออกนอกบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป เครื่องรางของขลังต่างๆ หรือสัญลักษณ์ตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถือว่ามีพลังในตัวเองอย่างแรงกล้า ดังนั้นแล้วทางที่ดีควรจัดวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นหันหน้าออกไป ตามความเชื่อว่าจะเป็นการฉายพลังด้านดีให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่บ้าน แต่ถ้าหันหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าบ้าน หรือวางแอบอยู่หลังโต๊ะอาหาร โซฟา ปลายเตียง จะทำให้พลังงานในบ้านอาจตีกันวุ่นวาย ซึ่งหากต้องการแก้เคล็ดก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการหาฉากมากั้นหรือไม่ก็ปลูกต้นไม้เป็นฉากกั้นเอาไว้ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
9. หิ้งพระควรอยู่ที่ศูนย์กลางของบ้าน
ในกรณีที่ไม่มีห้องพระ การจัดวางหิ้งพระก็เป็นสิ่งจำเป็น ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้วบริเวณศูนย์กลางของบ้านจัดว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ส่งผลกระทบถึงเรื่องของ สุขภาพ ร่างกาย ความมั่นคง มั่งคั่ง และความสุขของผู้อยู่อาศัย ดังนั้นจึงแนะนำให้ตั้งหิ้งพระในจุดศูนย์กลางของบ้าน เช่น ห้องโถงหรือห้องรับแขกนั่นเอง

"ธมฺมปีติ สุขํ เสติ. - ผู้มีปีติในธรรม อยู่เป็นสุข"
เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะครับ กับข้อสำคัญของการจัดห้องพระเพื่อเสริมสิริมงคล ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะครับ และอย่าลืมครับ ไม่ว่าห้องพระจะเล็ก จะใหญ่ จำนวนพระในบ้านจะเยอะหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งสำคัญครับ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆที่จะอยู่ที่ความศรัทธาครับ ขอแค่เราศรัทธาต่อสิ่งที่เราเคารพนับถือ นำคำสอนของเขาเหล่านั้นน้อมนำมาปฏิบัติใช้ในชีวิต และตั้งมั่นในธรรมได้ จะถือเป็นมงคลแก่ชีวิตที่แท้จริง