
รางน้ำฝนอีกหนึ่งส่วนสำคัญหลักของบ้านทุกหลังที่จะทำให้บ้านของคุณ สามารถรับมือกับน้ำฝนที่ตกลงมาที่บ้านคุณได้ดีมากขึ้น ซึ่งรางน้ำฝนหรือรางน้ำที่ไว้รองรับฝนนี้มีหลายประเภท ลองมาดูวิธีเลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้านคุณ และวิธีการดูแลรักษาเพื่อให้พร้อมรับมือในช่วงหน้าฝนหรือช่วงฝนตกหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

ประโยชน์ของรางน้ำฝน 
รางน้ำฝนเป็นรางน้ำที่ติดอยู่รอบชายคา หน้าที่หลักๆ ก็คือ รองรับน้ำฝนจากหลังคาให้ไหลไปยังท่อระบายน้ำ หรือจุดที่แต่ละบ้านกำหนด หรือหากเป็นสมัยก่อนก็จะมีการกักเก็บไว้ในตุ่มเพื่อรับประทาน หรือใช้สอยเพื่อประหยัดน้ำประปา รางน้ำฝนจึงมีส่วนช่วยให้น้ำฝนไหลรวมจากรางน้ำและไหลลงสู่ด้านล่างอย่างเป็นระเบียบนั่นเอง การมีรางน้ำฝนยังมีประโยชน์กับบ้านอีกหลายด้านดังนี้
- ป้องกันสวน หรือต้นไม้ในบ้านจากน้ำฝน หากภายในบริเวณบ้านมีการปลูกสนามหญ้า หรือต้นไม้สวยงาม หากไม่มีรางน้ำฝนช่วยป้องกันน้ำที่ไหลจากหลังคา จะทำให้น้ำไหลลงสู่พื้นหญ้าและสวนต้นไม้โดยตรง อาจทำให้ต้นไม้เสียหายหรือตายได้ และยังทำให้ดินกลายเป็นหลุมน้ำขังอีกด้วย
- ป้องกันผนังและเฟอร์นิเจอร์นอกบ้านเปรอะเปื้อน หากน้ำฝนไหลลงมาจากหลังคาโดยตรง จะกระแทกโดนพื้นทำให้เศษดินกระเด็นมาโดนผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์นอกบ้านเปรอะเปื้อนได้ หากมีรางน้ำฝนก็จะแก้ปัญหาจุดนี้ได้
- ป้องกันปัญหากับเพื่อนบ้าน น้ำฝนจากหลังคาอาจกระเด็นข้ามไปรบกวนเพื่อนบ้านได้ หากไม่มีรางน้ำฝน ทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้านภายหลังนั่นเอง แต่การติดตั้งรางน้ำฝนก็ต้องระวังไม่ให้ล้ำเขตไปยังพื้นที่เพื่อนบ้าน หรือจุดที่ปล่อยน้ำด้านล่างจะไปรบกวนเพื่อนบ้านด้วย
รางน้ำฝนมีกี่ประเภท 
รางน้ำฝนมีหลากหลายประเภท ส่วนมากแล้วจะแบ่งประเภทตามวัสดุที่ใช้งาน แต่ละประเภทจะมีรูปแบบที่ต่างกันออกไป และมีราคาที่ต่างกันด้วย

1 รางน้ำฝนอะลูมิเนียม
เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่มักนำมาทำรางน้ำฝน เนื่องจากไม่เกิดสนิมง่าย มีความคงทนต่อการกัดกร่อนสูง น้ำหนักเบา มีความสวยงามและมีหลายสีให้เลือกมากกว่ารางน้ำฝนประเภทอื่น ไม่มีปัญหาเรื่องรั่วซึม เนื่องจากขึ้นรูปแบบไร้รอยต่อได้ แต่ราคาสูง

2 รางน้ำฝนสังกะสี
เป็นวัสดุที่นิยมนำมาทำรางน้ำมากในอดีต เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และมีราคาถูก แต่อายุการใช้งานค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นสนิมได้ง่าย ความสวยงามน้อยกว่าแบบอื่น และยังมีเสียงดังเมื่อน้ำฝนมาตกกระทบ

3 รางน้ำฝนสแตนเลส
รางน้ำประเภทนี้จะมีเนื้อวัสดุเป็นสีธรรมชาติ แม้ว่าราคาจะสูงกว่ารางน้ำฝนสังกะสี แต่ดูสวยงามมากกว่า และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า (รางน้ำฝนสแตนเลส มีหลายเกรด ควรเลือกใช้เกรด 304 เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดสนิม)

4 รางน้ำฝนเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์
รางน้ำฝนที่ผลิตสำเร็จรูปเป็นชิ้นจากโรงงาน จึงได้มาตรฐานทั้งเรื่องขนาดและรูปทรง มีความแข็งแรง ทนการกัดกร่อน มีหลายสีให้เลือกใช้
เลือกประเภทรางน้ำฝนให้เหมาะกับบ้าน 
หากต้องการเลือกรางน้ำฝนเพื่อนำมาใช้งานที่บ้าน จะต้องทำการพิจารณาหลายๆ อย่าง เพื่อให้เหมาะสมกับบ้าน และไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน รวมถึงสมาชิกให้มากที่สุด โดยมีหลักการพิจารณาง่ายๆ ดังนี้

1 งบประมาณเหมาะสม
สิ่งแรกที่หลายคนใช้พิจารณาเป็นอันดับแรก ซึ่งรวมถึงค่ารางน้ำฝน และค่าติดตั้ง ลองสำรวจราคาจากร้านที่รับติดตั้งรางน้ำ ทั้งค่าวัสดุและค่าติดตั้งดูว่าแบบไหนถึงเหมาะกับงบประมาณมากที่สุด
2 คุ้มค่า
หากเลือกข้อนี้ ควรพิจารณาจากวัสดุของรางน้ำฝนเป็นอันดับแรก โดยปัจจุบันมีให้เลือกหลายประเภท และหลายขนาด หากมองหาความคุ้มค่าก็ควรเลือกรางน้ำอะลูมิเนียม ซึ่งมีอายุการใช้งานนานกว่ารางน้ำฝนประเภทอื่น
3 ขนาดพื้นที่หลังคา
หากหลังคามีขนาดใหญ่ ควรเลือกขนาดรางน้ำให้เหมาะสม โดยปัจจุบันขนาดรางน้ำมีให้เลือกทั้งขนาด 4, 5 และ 6 นิ้ว หากหลังคาขนาดใหญ่ควรเลือกขนาด 5 นิ้วขึ้นไป และหากหลังคามีความยาวมาก ควรเพิ่มรูระบายน้ำหลาย ๆ จุด เพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนได้ทัน
4 การติดตั้ง
โดยปกติรางน้ำฝนจะติดตั้งกับเชิงชายหรือไม้ปีกนกโดยการใช้ตะปูหรือน็อต หรือรางน้ำบางประเภท เช่น รางน้ำฝนสังกะสีจะใช้การแขวนกับจันทัน การติดตั้งรางน้ำหากเป็นการติดตั้งบริเวณหลังคาโรงจอดรถ หรือหลังคา หากอุปกรณ์ครบก็สามารถติดตั้งเองได้ แต่หากเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม 2 ชั้น ควรใช้บริการช่างจะดีกว่า เพราะบางวัสดุ เช่น รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสต้องใช้ช่างเฉพาะทางมาติดตั้ง
5 ความสวยงาม
หากต้องการเลือกรางน้ำฝนที่เข้ากับสีสันของหลังคาหรือตัวบ้าน ควรเลือกรางน้ำฝนที่มีสีให้เลือกหลายสี เช่น รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส หรือรางน้ำฝนอะลูมิเนียม แทนรางน้ำฝนสังกะสี
วิธีการบำรุงรักษารางน้ำฝนให้ใช้งานได้ดีตลอดเวลา 
สำหรับวิธีการบำรุงรักษารางน้ำฝนให้ยังคงสภาพการใช้งานที่ดีอยู่นั้นทำได้ไม่ยาก มีวิธีการดังนี้

- หมั่นตรวจสอบการทำงานของรางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีฝนตก หรืออาจทดลองฉีดน้ำบนหลังคา แล้วสังเกตว่ามีการรั่วหรือซึมที่ส่วนไหนของรางน้ำฝนหรือไม่ เพื่อดำเนินซ่อมแซมก่อนช่วงที่ฝนตกหนัก สังเกตตะขอแขวนรางว่ายังคงมั่นอยู่หรือไม่ หากน้ำฝนปริมาณมากจะได้ไม่มีปัญหารางน้ำหล่นมาพังเสียหาย
- ทำความสะอาดรางน้ำฝนเป็นประจำ ปัญหาหนึ่งที่มักพบกับรางน้ำฝนคือ หลังจากห่างหายจากหน้าฝนมาสักระยะเจ้าของบ้าน หรือผู้อยู่อาศัยมักหลงลืมการทำความสะอาดรางน้ำ ทำให้มีเศษใบไม้หรือเศษต่าง ๆ ตกค้างอยู่ในรางน้ำ ทำให้เกิดการอุดตัน หรือหากเศษต่าง ๆ มีน้ำหนักมากเกินไปอาจทำให้รางน้ำพังเสียหายได้
วิธีการติดตั้งรางน้ำฝนที่ถูกต้อง 
วิธีการติดตั้งรางน้ำฝนแต่ละประเภทจะมีการติดตั้งที่ต่างกันออกไป โดยวิธีการติดตั้งรางน้ำฝนเบื้องต้น มีดังนี้
- สำรวจพื้นที่ที่จะติดตั้งรางน้ำฝน เช็กความแข็งแรงของบริเวณเชิงชาย หรือปีกนกที่จะติดรางน้ำ หากมีการรื้อรางน้ำเก่าออกก่อน ระวังอย่าให้กระทบกับโครงสร้างหลังคา
- วัดระดับน้ำระหว่างหัวท้ายของรางน้ำ เพื่อวัดความลาดเอียงของรางน้ำ จากนั้นทำการตีเต๊าหรือเชือกตีแนว เพื่อสร้างแนวเส้นที่จะติดตั้งรางน้ำ
- ติดตั้งตะขอแขวนราง ตามระยะที่เหมาะสมกับประเภทรางน้ำ ซึ่งแต่ละประเภทมีระยที่เหมาะสมไม่เท่ากัน โดยทั่วไปจะเว้นระยะห่างประมาณ 60-80 เซนติเมตร หากเป็นรางน้ำฝนไวนิลจะต้องใช้ซิลิโคนในการช่วยเชื่อมระหว่างรอยต่อ
- ติดตั้งรางน้ำฝนกับผนังหรือเสาด้วยตัวยึด
- เช็กการทำงานของรางน้ำฝนด้วยการทดลองฉีดน้ำบนหลังคา หากน้ำไหลเป็นปกติก็เป็นอันเรียบร้อย
รางน้ำฝนถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บ้านของคุณมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และป้องกันปัญหาต่างๆ เมื่อเกิดฝนตก ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายของหลังคา ผนังบ้าน ต้นไม้ สนามหญ้า หรือปัญหากับเพื่อนบ้านครับ 