สาระควรรู้ทั่วไป

ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือกำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรจะต้องทำความเข้าใจ และศึกษาเรื่องระบบการชาร์จให้ดีเสียก่อน จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งหลายคนที่ตัดสินใจซื้อไปแล้ว อาจจะยังไม่มีความรู้กับเทคโนโลยียานยนต์ที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในบ้านเราไม่กี่ปี ซึ่งสิ่งสำคัญนอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เราได้ซื้อมาแล้วนั้น ควรต้องรู้ถึงวิธีการเลือกใช้เครื่อง EV Charger วิธีการติดตั้ง การดูแลรักษา มาตรฐานต่างๆ ไว้ที่บ้าน เพื่อความสะดวกสบาย ให้สามารถใช้ได้อย่างถูกวิธีและป้องกันอันตรายต่างๆ

ประกาศอสังหาริมทรัพย์ใหม่ บ้าน บ้าน รายการล่าสุด บ้านเดี่ยว บ้านเดี่ยว รายการล่าสุด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ รายการล่าสุด ทาวน์โฮม ทาวน์โฮม รายการล่าสุด คอนโด คอนโด รายการล่าสุด อาคารพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ รายการล่าสุด อพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ รายการล่าสุด สำนักงาน สำนักงาน รายการล่าสุด โฮมออฟฟิศ โฮมออฟฟิศ รายการล่าสุด ธุรกิจ ธุรกิจ รายการล่าสุด โรงงาน โรงงาน รายการล่าสุด คลังสินค้า คลังสินค้า รายการล่าสุด โกดัง โกดัง รายการล่าสุด ที่ดิน ที่ดิน รายการล่าสุด ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา รายการล่าสุด ผู้รับเหมา ลงประกาศฟรี ผู้รับเหมา ข่าวประชาสัมพันธ์ รายการล่าสุด ข่าวประชาสัมพันธ์ พรีวิวโครงการใหม่ รายการล่าสุด พรีวิวโครงการใหม่ ตกแต่งที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ตกแต่งที่อยู่อาศัย สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สาระควรรู้ ที่อยู่อาศัย ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด ฮวงจุ้ย ที่อยู่อาศัย สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย รายการล่าสุด สินเชื่อ ที่อยู่อาศัย SME รายการล่าสุด SME สถานที่ท่องเที่ยว รายการล่าสุด สถานที่ท่องเที่ยว

7 เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า เช็คก่อนซื้อเพื่อติดเทคโนโลยี EV Charger ที่บ้าน

7 เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า รู้ก่อนซื้อเพื่อติดเทคโนโลยี EV Charger

       รถ EV (Electric Vehicle) คือ รถ EV จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์ที่เก็บพลังงานรูปแบบอื่นที่สามารถชาร์จไฟได้  ซึ่งจะเปลี่ยนพลังงานแบตเตอรี่มาใช้ในการขับเคลื่อน รถยนต์ไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว ไม่เหมือนรถยนต์ทั่วไปที่ใช้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเพื่อการขับเคลื่อน รถ EV ไม่ต้องมีกลไกอะไรที่มากเหมือนรถที่ใช้น้ำมันทำให้เครื่องยนต์เงียบและไม่มีไอเสียจากการเผาผลาญพลังงาน หรือที่พวกเราเรียกมันว่า รถไฟฟ้า นั่นเอง

ทำความเข้าใจกับเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ   EV Charger

      โดยปกติเรามักคุ้นชินกับการขับรถไปเติมน้ำมันที่ปั้ม แต่เมื่อเรามีรถยนต์ไฟฟ้าไว้ในครอบครองหรือกำลังจะถอยรถไฟฟ้าสักคันมาไว้ใช้งาน จำเป็นต้องเตรียมที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่บ้าน เนื่องจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะกินเวลาหลายนาทีหรือนานหลายชั่วโมง เพื่อความสะดวกหลายคนอยากจะติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่บ้านไว้ชาร์จรถ EV ของตัวเอง ซึ่งอาจรู้สึกว่าการเตรียมบ้านเพื่อติดตั้งจุดชาร์จไฟเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากกว่า แต่เรื่องเหล่านี้เป็นการติดตั้งเพียงครั้งเดียวเพื่อการใช้งานระยะยาวและยั่งยืนกว่า

     สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า โดยสามารถแบ่งการชาร์จออกเป็น 2 ประเภท คือ Normal Charge และ Quick Charge

Normal Charge และ Quick Charge

➥ Normal Charge

เป็นการชาร์จด้วยไฟ AC (ไฟฟ้ากระแสสลับ) โดยจะต้องชาร์จผ่าน On Board Charger ที่อยู่ภายในตัวรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง On Board Charger จะทำหน้าที่ในการแปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC เพื่อเก็บสะสมใบแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้า โดยขนาดของตัว On Board Charger จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งขนาดของ On Board Charger จะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟของแบตเตอรี่รถยนต์

ยกตัวอย่างเช่น : รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 24 KWh และมี On Board Charger ขนาด 3KW ระยะเวลาในการชาร์จจะอยู่ที่ 8 ชั่วโมง
 

➥ Quick Charge

จะเป็นการชาร์จโดยใช้ตู้ EV Charger (สถานีชาร์จรถไฟฟ้า) ที่แปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC แล้วจ่ายไฟ DC (ไฟฟ้ากระแสตรง) เข้าที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จจะน้อยกว่าแบบ Normal Charger หัวชาร์จ (SOCKET) ของตู้ EV Charger จะมีทั้งแบบที่เป็น AC และ แบบ DC ประเภทของหัวชาร์จจะขึ้นอยู่กับมาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์

ยกตัวอย่างเช่น : รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 24kWh โดยใช้ตู้ EV Charger แบบ Quick Charge ที่มีกำลังชาร์จอยู่ที่ 50kW ระยะเวลาในการชาร์จจะอยู่ที่ไม่เกิน 1/2 ชั่วโมง

 7 เรื่องควรรู้ก่อน ติดตั้งเทคโนโลยี EV Charger ไว้ที่บ้าน

     ก่อนทำการติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ที่บ้าน ควรทำการเช็คปริมาณการใช้ไฟในบ้านร่วมกับเครื่องชาร์จไฟก่อนว่า ระบบไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่รองรับการใช้งานได้หรือไม่ โดยมีหลักสำคัญในการตรวจเช็ค คือ มิเตอร์ไฟฟ้า และระบบไฟฟ้าของบ้าน เราสามารถตรวจเช็คตามคำแนะนำในการติดตั้งเพื่อความปลอดภัย ดังนี้
 

  เรื่องที่ 1   ตรวจเช็ค! ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเพียงพอไหม

EV Charger ตารางขนาดมิเตอร์แรงต่ำของการไฟฟ้า

     ตรวจเช็คขนาดมิเตอร์ไฟ ถ้ามิเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดเล็กกว่า 30 แอมป์ (30/100) เช่น 5 แอมป์ หรือ 15 แอมป์ ควรแจ้งเปลี่ยนมิเตอร์ไฟให้มีขนาดตั้งแต่ 30 แอมป์ขึ้นไป หรือถ้าเป็นมิเตอร์ 3 เฟส ก็ควรใช้ขนาด 15/45 เพื่อให้มิเตอร์มีขนาดเพียงพอสำหรับรองรับปริมาณการใช้ไฟในบ้านที่มากขึ้น 

     โดยส่วนใหญ่มาตรฐานขนาดมิเตอร์ ที่ทางการไฟฟ้าแนะนำ คือ Single-Phase 30(100)A หรือ 3-Phase 15(45)A ขึ้นไปถึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน ดูง่ายๆ บนมิเตอร์ไฟ ถ้ากำลังไฟแค่ 5/15A หรือ 15/45A เฟส 1 (1P) ควรแจ้งเปลี่ยนกับการไฟฟ้าไว้ก่อนเลย แต่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพควรเลือกใช้ 30/100A เฟส 1 หรือ 15/45A เฟส 3 โดยอาจต้องเพิ่มขนาดสายเมนไฟฟ้าให้เหมาะสม และตรวจให้แน่ใจว่าตู้ควบคุมไฟติด Circuit Breaker เพิ่มได้ไหม หรือจำเป็นต้องแยกตู้ต่างหาก

 

  เรื่องที่ 2   ตรวจเช็ค! อุปกรณ์ตัดไฟรั่ว และขนาดสายเมนของระบบ

ตู้ Main Circuit Breaker (MCB) EV Charger

     ตรวจเช็คตู้ Main Circuit Breaker (MCB) ควรใช้ตู้ที่สามารถรองรับกระแสไฟได้สูงสุดไม่เกิน 100 แอมป์ และขนาดสายไฟเมน หลังจากเช็คมิเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ก็ต่อด้วยการเช็คขนาดสายไฟเมน หรือขนาดสายไฟที่เชื่อมมายังตู้ควบคุม หากยังเป็นขนาด 16 มิลลิเมตร ก็ต้องเปลี่ยนมาใช้ขนาด 25 ตารางมิลลิเมตร (ตร.มม.) ซึ่งเป็นขนาดหน้าของสายหริอขนาดของสายทองแดงนั่นเอง รวมไปถึงเช็ค 

 

  เรื่องที่ 3   ตรวจเช็ค! ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย

EV Charger ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย

 ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) โดยดูว่ามีช่องว่างสำหรับติดตั้ง Miniature Circuit Breaker หรือไม่ เพราะการติดตั้งที่ชาร์จรถ EV จะต้องแยกช่องจ่ายไฟออกไปต่างหาก และช่องว่างนั้นควรมีขนาดตามพิกัดที่สามารถรองรับกระแสไฟของเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ด้วย ทั้งนี้ เวลาสร้างบ้านแล้วมีการติดตั้งตู้ประเภทนี้ควรมีช่องเหลือไว้ เช่น หากจำเป็นต้องใช้ 6 ช่อง ก็ควรเลือกตู้แบบ 10 ช่อง ให้มีเหลือไว้อีก 4 ช่อง เผื่อติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายหลัง ก็จะได้สามารถมาติดช่องเพิ่มได้ 
 

 เครื่องตัดไฟรั่ว (RDC) เมื่อเกิดการใช้ไฟเกินพอดี เหตุไฟฟ้าลัดวงจร หรือเหตุการณ์ธรรมชาติอย่างฟ้าผ่า อาจนำมาซึ่งการเกิดไฟดูดแก่ผู้ใช้หรือเจ้าของบ้าน โดยเราจะรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าบ้านเราติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ารั่ว หรือ RCD (Residual Current Devices) เอาไว้มั้ย โดยเครื่องป้องกันไฟฟ้ารั่วตามมาตรฐานต้องมีพิกัดขนาดกระแสไฟฟ้ารั่วไม่เกิน 30 mA ต้องตัดไฟได้ภายในระยะเวลาเพียง 0.04 วินาที เมื่อมีไฟรั่วขนาด 5 เท่าของพิกัด (150 mA) แต่ถ้าตัวชาร์จรถยนต์ที่จะติดตั้งมีระบบตัดไฟอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องติดตั้ง RCD เพิ่ม

  เรื่องที่ 4   ตรวจเช็ค! ​​ตำแหน่งในบ้านก่อนการติดตั้ง

      การ​ตรวจเช็คตำแหน่งก่อนติดตั้ง การติดตั้งจุดชาร์จไม่ใช่ว่าตั้งตรงไหนก็ได้ที่สายไฟไปถึง เนื่องจากมีระยะเหมาะสมของอุปกรณ์อยู่แล้ว ผู้ใช้งานจพเป็นต้องเช็คระยะจากจุดติดตั้งเครื่องชาร์จ จนถึงจุดที่เสียบเข้าตัวรถที่จอด ไม่ควรห่างกันเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายเครื่องชาร์จไฟฟ้าโดยทั่วไป อยู่ที่ 5-7 เมตร 

ตรวจเช็ค! ​​ตำแหน่งในบ้านก่อนการติดตั้ง EV Charger

 เลือกจุดที่สามารถหลีกเลี่ยง การโดนละอองฝน หรือน้ำฝนสาดเข้ามาได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการกันน้ำของเครื่องชาร์จไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อ

 ห่างได้ แต่ไม่ควรเกิน 5 เมตร จากจุดติดตั้งเครื่องชาร์จไปถึงจุดจอดรถไม่ควรเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายชาร์จ EV Charger ทั่วไปมีความยาวไม่เกิน 7 เมตรเท่านั้น ลองนึกถึงการเติมน้ำมันแบบที่เราคุ้นเคยก็ได้ ถ้าระยะไกลไป สายก็ไปไม่ถึงตัวรถ หรือหากต้องใช้การดึงบ่อยเข้าก็คงไม่ดีกับสายชาร์จแน่ 

 เดินไฟอย่าไกลตู้ เลือกพิกัดติดตั้งจุดชาร์จที่สามารถเดินสายไฟไปได้ไม่ไกลจากตู้ควบคุมไฟฟ้า นอกจากช่างจะทำงานสะดวก ประหยัดเวลาแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟด้วย

 โปรดชาร์จใต้หลังคา ตำแหน่งที่ติดตั้งควรอยู่ในที่ร่ม สามารถป้องกันแดด ป้องกันฝนได้ เพราะถึง EV Charger จะมีระบบกันน้ำในตัว แต่คงไม่เหมาะกับการตากแดดตากฝนทั้งวันทั้งคืน ยังไงก็ควรถนอมไว้ให้ดีเพื่อการใช้งานที่ยาวนานขึ้นด้วย

 

  เรื่องที่ 5   ตรวจเช็ค! ตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กรถยนต์

    โดยตรวจสอบที่เสียบหัวปลั๊กของรถยนต์ของคุณ ว่าเป็นประเภทไหน เพื่อที่จะได้ติดตั้งเครื่องชาร์จให้ตรงกับรถของท่าน โดยมักจะแบ่งออกเป็น 3 Type ตามประเทศที่ผลิต

EV Charger ตรวจเช็ก! ตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กรถยนต์

 Type 1 สำหรับรถประเทศญี่ปุ่น และอเมริกา เช่น Nissan Leaf , Tesla

 Type 2 สำหรับรถยุโรป เช่น Mercedes-BENZ , MG , BMW, VOLVO , PORSCHE , TESLA , JAGUAR, HYUNDAI

 Type GB/T สำหรับประเทศรถจีน เช่น BYD และรถที่จำหน่ายในจีน หรือบางรุ่นก็สามารถใช้ได้ทั้งประเภทคือ Type1 และ Type2 เช่น LEXUS

ส่วนรถที่จำหน่ายในประเทศไทย โดยส่วนมากจะเป็น Type 2 เนื่องจากเป็นมาตรฐานตามที่หน่วยงานของรัฐได้แนะนำไว้ แต่อาจมียี่ห้ออื่นประปรายที่เป็นหัวประเภทอื่นๆ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบประเภทหัวปลั๊กรถยนต์ก่อนเลือกเครื่องชาร์จไฟฟ้า เพื่อให้สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง

  เรื่องที่ 6   ตรวจเช็ค! เครื่องชาร์จไฟฟ้าให้รถเร็วเท่าไหร่

EV Charger On-Board Charger เครื่องชาร์จไฟฟ้าให้รถเร็วเท่าไหร่

     ตรวจสอบขนาด On-Board Charger เลือกเครื่องชาร์จให้เหมาะกับความต้องการ On-Board Charger คือ ระบบควบคุมการดึงไฟฟ้า ที่ตัวรถจะสั่งการไปยังเครื่องชาร์จไฟฟ้า โดยทั่วไปขนาดมีตั้งแต่ 3.6kW ถึง 22kW ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ ซึ่งจะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ ยิ่งวัตต์สูงก็จะทำให้ชาร์จเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ท่านควรเลือกเครื่องชาร์จไฟฟ้า ให้เหมาะกับรุ่นรถ แล้วแจ้งทีมช่างเพื่อที่จะเตรียมขนาดสายไฟและอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับขนาดเครื่องชาร์จไฟฟ้า นั้นๆด้วย

  เรื่องที่ 7   ตรวจเช็ค! อุปกรณ์ของเครื่องชาร์จไฟฟ้า ตามมาตราฐาน

EV Charger ตรวจเช็ค! อุปกรณ์ของเครื่องชาร์จไฟฟ้า ตามมาตราฐาน

1. ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า : สำรวจมิเตอร์ไฟฟ้าของตัวเอง โดยปกติขนาดมิเตอร์ของบ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้เป็น 15(45) 1 เฟส(1P) หมายถึงมิเตอร์ขนาด 15 แอมป์(A) และสามารถใช้ไฟได้มากถึง 45(A) สำหรับคนที่ต้องการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้าน ทางการไฟฟ้าแนะนำให้เปลี่ยนขนาดมิเตอร์เป็น 30(100) ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป **สำหรับคนที่คิดว่าต้องเปลี่ยนระบบไฟเป็น 3 เฟสรึเปล่า? คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ต้องการในการชาร์จนะคะ หากต้องการชาร์จในช่วง 3.7 – 7.4 kW/h ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระบบไฟเป็น 3 เฟสแต่อย่างใด

2. เปลี่ยนสายเมน และลูกเซอร์กิต (MCB) : สำหรับสาย Main ของเดิมใช้ขนาด 16 ตร.มม. ต้องปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 25 ตร.มม. และเปลี่ยนลูกเซอร์กิต(MCB) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันร่วมกับตู้ MDB ที่แต่เดิมรองรับได้สูงสุด 45(A) เปลี่ยนเป็น 100(A) หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ขนาดมิเตอร์ ขนาดสายเมน และขนาดลูกเซอร์กิต (MCB) ต้องสอดคล้องกัน

3. ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) : ตรวจสอบภายในตู้ว่ามีช่องว่างสำรองเหลือให้ติดตั้ง Circuit Breaker อีก 1 ช่องรึเปล่า? เพราะการชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องมีส่วนตัว แยกใช้งานกับเครื่องไฟฟ้าอื่นๆ หรือถ้าหากภายในตู้หลักไม่มีช่องว่าง ยังไงเราก็ต้องเพิ่มตู้ควบคุมย่อยอีก 1 จุดนะคะ

4. เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) : เป็นเครื่องตัดไฟฟ้าอัตโนมัติที่จะตัดวงจรไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้ได้ในอนาคต กรณีที่สายชาร์จไฟฟ้ามีระบบตัดไฟภายในตัวอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม ทั้งนี้ทั้งนั้น EV Charger ที่ดีควรมีระบบตัดไฟอย่างน้อง RCD type A โดยมีระบบตรวจจับ DC leakage protection 6 mA (หรือการป้องกันกระแสไฟตรงรั่วไหลด้วยนะคะ)

5. เต้ารับ (EV Socket) : สำหรับการเสียบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นชนิด 3 รู (มีสายต่อหลักดิน) ต้องทนกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 16(A) *แต่รูปทรงอาจจะปรับตามรูปแบบปลั๊กของรถยนต์แต่ละรุ่น* (ในกรณีชาร์จแบบ normal charge**)

 

                                 

 

    โดยสรุปแล้ว การติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน มีขั้นตอนและข้อควรพิจารณาหลายประการ ศึกษาหาข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยของคุณและความสะดวกในการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกด้วยสำหรับท่านใดที่มีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือกำลังจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ และอยากจะมีเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ใช้ที่บ้านเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเติมพลังงานแล้วละก็  ดังนั้น จึงควรทำการเช็คลิสต์ต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นให้ครบ

ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สิน และความสะบายใจของทุกคน 

  • เลือกเครื่องฟอกอากาศ ลดฝุ่น PM2.5 แบบไหน วางไว้จุดไหนของบ้าน ได้ประสิทธิภาพกรองฝุ่นดีที่สุด
  • เปิดค่าธรรมเนียม การโอนที่ดิน 2568 ซื้อ-ขาย มอบที่ดินมรดกญาติ เปลี่ยนกรรมสิทธิ์ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
  • 108 ปี หัวลำโพง 10 จุดเช็กอินประวัติศาสตร์ เรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค
  • หลังคาเมทัลชีท แบบไหนช่วยลดเสียงสะท้อน มีน้ำหนักเบาทนต่อสภาพอากาศ มีวิธีเลือกอย่างไร
  • รวมบริษัทรับสร้างบ้าน 2567 มีแบบบ้านให้เลือกหลากหลายสไตล์ ประหยัดงบ ตามเทรนด์คนรุ่นใหม่
  • ทาสแมวรู้ไว้ "สีขนแมว" บอกนิสัยได้ มีการเล่นที่แตกต่างกันอย่างไร
  • 10 เครื่องซักผ้าฝาหน้า เทคโนโลยีอัจฉริยะ ทำงานเงียบช่วยประหยัดน้ำ ยอดนิยมของปี 2024 ยี่ห้อไหนบ้าง
  • จำนอง กับ ขายฝาก เงินที่ได้ไม่เท่ากัน ควรรู้ก่อนทำสัญญา มีเสียภาษีอะไรบ้าง
  • เลือกแอร์แบบไหน ช่วยประหยัดไฟในช่วงหน้าร้อน พร้อมแนะนำทริค กับ เคล็ดลับประหยัดได้จริง
  • หลังคาเมทัลชีท แบบไหนช่วยลดเสียงสะท้อน มีน้ำหนักเบาทนต่อสภาพอากาศ มีวิธีเลือกอย่างไร
  • 10 เครื่องซักผ้าฝาหน้า เทคโนโลยีอัจฉริยะ ทำงานเงียบช่วยประหยัดน้ำ ยอดนิยมของปี 2024 ยี่ห้อไหนบ้าง
  • 108 ปี หัวลำโพง 10 จุดเช็กอินประวัติศาสตร์ เรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟไทยสุดคลาสสิค
  • ร่วมใจ ร่วมฝัน พร้อมซื้อบ้าน การเตรียมตัวสำหรับซื้อบ้านร่วมกันครั้งแรกของคู่รัก
  • เลือกอิฐแบบไหน อิฐมอญ อิฐมวลเบา อิฐบล็อก เหมาะกับสร้างบ้าน ประหยัดงบมากที่สุด
  • เปิดค่าธรรมเนียม การโอนที่ดิน 2568 ซื้อ-ขาย มอบที่ดินมรดกญาติ เปลี่ยนกรรมสิทธิ์ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
  • เลือกเครื่องฟอกอากาศ ลดฝุ่น PM2.5 แบบไหน วางไว้จุดไหนของบ้าน ได้ประสิทธิภาพกรองฝุ่นดีที่สุด
  • เลือกแอร์แบบไหน ช่วยประหยัดไฟในช่วงหน้าร้อน พร้อมแนะนำทริค กับ เคล็ดลับประหยัดได้จริง
  • สู้ค่าไฟฟ้าด้วยโซล่าเซลล์ ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
  • วิธีแก้เน็ตบ้านช้า หลุดบ่อย Wi-Fi ไม่เสถียร ต่อสายแลนเน็ตไม่เต็มสปีด
  • 7 เรื่องรถยนต์ไฟฟ้า เช็คก่อนซื้อเพื่อติดเทคโนโลยี EV Charger ที่บ้าน

    ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือกำลังจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ควรจะต้องทำความเข้าใจ และศึกษาเรื่องระบบการชาร์จให้ดีเสียก่อน จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งหลายคนที่ตัดสินใจซื้อไปแล้ว อาจจะยังไม่มีความรู้กับเทคโนโลยียานยนต์ที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทในบ้านเราไม่กี่ปี ซึ่งสิ่งสำคัญนอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เราได้ซื้อมาแล้วนั้น ควรต้องรู้ถึงวิธีการเลือกใช้เครื่อง EV Charger วิธีการติดตั้ง การดูแลรักษา มาตรฐานต่างๆ ไว้ที่บ้าน เพื่อความสะดวกสบาย ให้สามารถใช้ได้อย่างถูกวิธีและป้องกันอันตรายต่างๆ

    @thaihometown Scroll