
มาดูปัญหายอดฮิต และวิธีรับมือ เมื่อผู้เช่าขอย้ายออก
สำหรับการปล่อยเช่าอสังหาฯ ไม่ว่าจะบ้าน ทาวน์โฮม หรือห้องคอนโด ผู้ปล่อยเช่าจะปล่อยเช่าอสังหาฯ ของตนเอง ให้กับผู้เช่าที่สนใจ พร้อมทั้งตกลงทำสัญญา ซึ่งผู้ปล่อยเช่าก็จะได้รับเงินจากผู้เช่า ตามสัญญาที่กำหนดไว้ เรียกได้ว่าเป็นถือธุรกิจที่ผู็มีอสังหาฯ เป็นของตนเองนิยมอย่างมาก และถ้ายิ่งทำเลของอสังหาฯ อยู่พื้นที่ที่ได้รับความนิยม โอกาสที่จะสามารถปล่อยเช่าได้ต่อเนื่องก็จะมีมากขึ้นไป
แต่ใช่ว่าจะไม่มี ปัญหาอะไรเลยสำหรับผู้ปล่อยเช่า หากเราไปเจอกับผู้เช่าที่ไม่ดี ดูแลห้องของเราไม่ได้ ก็มักจะพบกับปัญหาที่น่าปวดหัวตามมา

1 ย้ายออกกระชั้นชิด ไม่แจ้งล่วงหน้า
เป็นปัญหายอดฮิตตลอดกาลที่ผู้เช่ามักจะขอย้ายออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ถึงแม้ว่าการเช่าห้องจะมีระยะเวลากำหนดชัดเจน เช่น 1 ปี 3 ปี แต่ก็มีบางรายย้ายออกกะทันหันโดยไม่สนใจเงินประกัน ซึ่งเป็นปัญหาของเจ้าของห้องที่อาจสูญเสียรายได้ในการหาผู้เช่ารายใหม่มาทดแทน
ดังนั้นวิธีเตรียมรับมือกับปัญหานี้คือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เช่า คอยอัพเดทผู้เช่าอยู่เรื่อยๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ ไม่หายไปจนผู้เช่ารู้สึกไม่ได้รับการดูแล หรือถ้ามีความจำเป็นจะย้ายออกจริงๆ จะมีการคิดถึงเรา และอาจบอกเราแต่เนิ่นๆ
อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่มีผู้เช่าบางรายนำสัญญาเช่าที่มีอยู่ ไปปล่อยห้องเช่าซ้อนเนื่องจากมีความจำเป็นต้องย้ายออกก่อนกำหนด เช่น กำหนดสัญญาเช่า 1 ปี แต่ต้องย้ายออกในเดือนที่ 7 และยังเหลือเวลาเช่าอีก 5 เดือน จึงนำไปปล่อยห้องต่อให้กับผู้เช่ารายใหม่โดยที่ไม่แจ้งให้เราทราบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นมีความผิด เราอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากนิติบุคคล ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาคอยดูว่ามีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาหรือไม่ หรือผู้เช่าเดิมมีการย้ายข้าวของออกไปและไม่ได้แจ้งเจ้าของห้อง

2 ห้องสกปรก ไม่ทำความสะอาดก่อนคืนห้อง
การรักษาความสะอาดของผู้เช่าแต่ละรายอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการที่เราสกรีนรับผู้เช่ามาตั้งแต่แรก หรือได้มีการระบุในสัญญาไว้หรือไม่ บางรายเป็นคนที่ดูแลรักษาความสะอาดห้องดีอยู่แล้ว หรือบางรายตั้งใจจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ทีหลังแต่อาจเกิดเหตุสุดวิสัย ไม่สามารถทำคืนได้ในระยะเวลาที่กำหนด
ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่เราต้องกันค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เตรียมไว้แต่แรกด้วย หรือเพื่อป้องกันไม่ให้การทำความสะอาดไม่ได้มาตรฐาน เราสามารถขอหักค่าทำความสะอาดห้องจากเงินประกันก่อนทำการคืนเงินให้ก็ได้

3 ลืมจ่ายบิล ลืมคืนกุญแจ Keycard และรหัสผ่านต่างๆ
ปัญหาในส่วนนี้มักเกิดขึ้นกับผู้เช่าต่างชาติ ที่มีการย้ายกลับประเทศไปจึงขาดการติดต่อสื่อสารกับเจ้าของห้อง ทั้งกุญแจ Mailbox, กุญแจห้อง, Keycard ต่างๆ ก่อนผู้เช่าย้ายออก หรือกรณีติดต่อไม่ได้ ก็ให้ทำการหักค่าเงินประกันสำหรับการต้องทำคีย์การ์ดใหม่ หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
ในบางรายอาจจะแอบเก็บเอาไว้หรือไปทำสำรองเพิ่มแล้วเอาไว้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เช่น มาใช้ส่วนกลางหลังจากย้ายออกไปแล้ว เป็นต้น ดังนั้นเราควรต้องมีการเปลี่ยนรหัสผ่าน หรือเปลี่ยนกุญแจใดๆ หรือแจ้งนิติให้ทำการคีย์ข้อมูลในคีย์การด์ใหม่ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
ในกรณีบิลค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าอินเทอร์เนตต่างๆ ที่ผู้เช่าติดตั้งเองภายหลัง ควรกำชับให้ผู้เช่าไปดำเนินการชำระให้เรียบร้อย รวมถึงการแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ในการส่งเอกสาร หรือสอบถามโดยตรงกับผู้ให้บริการรายนั้นๆ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาเวลาที่ผู้เช่าคนใหม่ย้ายเข้าและไม่สามารถทำการติดตั้ง อินเทอร์เนตหรือโทรศัพท์ได้ เพราะผู้เช่าคนเก่ายังไม่ได้แจ้งย้ายออก

4 ห้องไม่อยู่ในสภาพเดิม ชำรุดเสียหาย
การทาสีห้องใหม่ ติดวอลเปเปอร์ ระบบไฟ ท่อน้ำ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ หรือพื้นห้องอาจมีการแตกหัก หรือชำรุด ปัญหาในข้อนี้ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสัญญาและถ้ามีการเสียหายเกิดขึ้น อาจหักออกจากเงินประกันตามสัญญาที่แจ้งไว้ในตอนแรก โดยผู้เช่าควรทำห้องให้กลับอยู่ในสภาพเดิมก่อนคืนห้องให้เรา
แต่ก็จะมีบางกรณีที่เราคาดไม่ถึงจึงไม่ได้ระบุไว้ในสัญญา เช่น ผู้เช่ารายหนึ่ง ก่อนย้ายออกจากห้องไปได้ถอดปลั๊กไฟตู้เย็นออกให้เพราะเกรงว่าไม่มีคนอยู่หลายวัน จนทำให้น้ำแข็งละลายล้นออกจากถังเก็บ ทำให้น้ำเจิ่งนองมาที่พื้นลามิเนตจนเกิดความเสียหาย ในส่วนนี้ผู้เช่าจะต้องเป็นคนชำระค่าเสียหายโดยหักจากเงินประกัน และเจ้าของห้องเองควรทำสัญญาให้รัดกุมและตรวจสอบความเรียบร้อยต่างๆ ภายในห้องให้ดีก่อนคืนเงินประกัน

5 ย้ายเฟอร์นิเจอร์ของเจ้าของห้องไปด้วย
ในกรณีนี้จะเกิดปัญหากับบางผู้เช่าที่อาศัยอยู่มาเป็นระยะเวลานาน อาจมีการซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแต่งเองเพิ่มเติมไปด้วยจนจำไม่ได้ว่าชิ้นไหนเป็นของเดิมที่มีให้ หรือซื้อมาเพิ่มเอง เช่น จานชาม ช้อนส้อม ชั้นวางของ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
ดังนั้นเจ้าของห้องควรมีเช็คลิสต์อุปกรณ์ของใช้ภายในห้องแนบท้ายไปกับสัญญา และเวลาผู้เช่าย้ายออกให้เช็คจากเช็คลิสต์ ส่วนเจ้าของห้องควรหาเวลามาเช็คของด้วยตนเองก่อนที่ผู้เช่าจะย้ายออก เพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง และหากคืนของไม่ครบตามเช็คลิสต์เจ้าของห้องสามารถหักจากเงินประกันได้
สุดท้าย สำหรับผู้ปล่อยเช่าแล้ว การกำหนดสัญญาเช่าให้ชัดเจน และรัดกุม ทั้งการทำความเข้าใจกันตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่ระหว่างผู้ปล่อยเช่า และผู้เช่า น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีที่สุด ดังนั้นการทำสัญญาเช่าจึงมีความสำคัญมากๆ และเป็นการเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ปล่อยเช่า และผู้เช่าอีกด้วย