
ข้อควรทำ
1. สร้างประวัติทางการเงินให้สะอาด
การสร้างประวัติทางการเงินให้สะอาดเป็นการสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในขั้นแรกของการขอสินเชื่อค่ะ หากคุณมีหนี้สินติดค้างไม่ว่าจะเป็นยอดค้างบัตรเครดิตที่ผลัดมาหลายเดือน ค่าผ่อนบ้าน หรือผ่อนรถยนต์ คุณต้องจัดการเคลียร์หนี้นั้นให้หมดก่อนทำการขอสินเชื่ออย่างน้อย 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าคุณไม่มีภาระหนี้สินใดๆ ให้ต้องเป็นกังวล และมีเงินเหลือพอที่จะชำระหนี้ค่ะ
เช็กประวัติทางการเงินของตัวเองได้อย่างไร
ใครที่สงสัยว่าตัวเองมีประวัติทางการเงินเป็นอย่างไร หรือใครที่มีประวัติติด Blacklist แล้วไม่แน่ใจว่ะธนาคารลบชื่อออกแล้วหรือไม่ สามารถเช็กประวัติทางการเงินได้ด้วยตัวเองผ่านหลายช่องทางดังนี้
เอกสารที่ต้องใช้
1. บุคคลธรรมดา ให้เตรียมบัตรประชาชนตัวจริง
2. นิติบุคคล ให้เตรียมสำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคลที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน และลงนามรับรองความถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการผู้มีอำนาจ และลงนามรับรองความถูกต้องพร้อมตัวจริง และตราประทับของนิติบุคคล (ถ้ามีค่ะ)
ค่าธรรมเนียม
100 บาท สามารถรอรับข้อมูลได้ภายใน 15 นาที หรือหากจะส่งไปรษณีย์ จ่ายเพิ่มฉบับละ 20 บาทค่ะ
ช่องทางการขอข้อมูล
1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
อาคาร 2 ชั้น 2 เปิดให้บริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 16.30 น.
2. สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ด้านในสถานี)
เปิดให้บริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น. (ที่นี่จะให้บริการเฉพาะบุคคลธรรม)
3. ห้างเจ-เวนิว ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ (นวนคร)
เปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 19.00 น.
4. ผ่านธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
เฉพาะบุคคลธรรมดาโดยอัตราค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 150 บาท และทางบริษัทจะจัดส่งข้อมูลทางไปรษณีย์ไปให้ภายใน 7 วัน
• เคาน์เตอร์ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาทั่วประเทศ
• สำหรับผู้ที่มีบัตร ATM ของธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์สามารถทำรายการขอข้อมูลผ่านตู้ ATM ได้
• ตรวจสอบผ่านระบบธนาคารบนโทรศัพท์มือถือของธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพียงแค่มีบัตร ATM หรือบัตรเดบิตของ 2 ธนาคารนี้
• แบบออนไลน์ สำหรับผู้ที่มีบัญชีธนาคารของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ไม่พร้อมอย่าเสี่ยง สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นภาระระยะยาว ควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะเสี่ยงเป็นหนี้
เลือกที่พักอาศัยให้เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณควรเลือกบ้านหรือที่พักอาศัยให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเอง อย่าอิงกับความฝันความอยากได้เพียงอย่างเดียวเพราะถ้าคุณผ่อนไม่ไหวขึ้นมา จากฝันหวานจะกลายเป็นฝันร้ายทันที
เคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาด เราเข้าใจค่ะว่าทุกวันนี้ชีวิตเราเป็นเหมือนชีวิตเงินผ่อน ไม่ว่าจะมือถือ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ หลายคนใช้วิธีการผ่อนด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าคุณจะซื้อบ้านคุณจะต้องเคลียร์ภาระการผ่อนทุกอย่างให้เรียบร้อย

บัตรเครดิตทำพิษ รู้หรือไม่ว่าบัตรเครดิตที่คุณมีติดกระเป๋าไว้จำนวนหลายๆ ใบนั้นจะถูกนับเป็นหนี้สินทั้งหมด (แม้คุณยังไม่ได้รูดบัตรสักครั้ง) ซึ่งจำนวนหนี้รวมของทุกบัตรจะถูกบวกรวมกันเป็นหนี้หนึ่งก้อนของคุณ และหากรวมแล้วมันมีมูลค่ามากกว่ารายได้รวมของคุณ 40 เปอร์เซ็นต์ คุณก็จะกู้ได้น้อยลง หรืออาจกู้ไม่ผ่าน
เช็คสภาพเครดิตบูโร คุณอาจมีหนี้สินแบบที่คุณไม่รู้ตัว ถ้าคุณยื่นขอกู้แบงก์ทางธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรว่าประวัติการชำระสินเชื่อของคุณเป็นอย่างไร คุณจะต้องไม่มีการค้างชำระหรือผิดนัดชำระย้อนหลังไม่เกิน 36 เดือน สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการขอสินเชื่อ

รถคันแรกพาฝันสลาย ถ้าคุณยังต้องผ่อนรถคันแรกอยู่ คุณอาจต้องคิดหนักเรื่องการยื่นกู้ซื้อบ้าน วิธีแนะนำคืออาจให้สถาบันการเงินประเมินก่อนว่าคุณจะรับภาระการผ่อนบ้านเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่
อย่าเป็นผู้ค้ำประกันใคร สถาบันการเงินจะนำมาพิจารณาร่วมกับการพิจารณาปล่อยเงินกู้
สร้างเครดิตให้ตัวเอง การสร้างเครดิตให้ตัวเองจะทำให้สถาบันการเงินปล่อยเงินกู้ให้กับเราได้ง่ายขึ้น วิธีที่แนะนำคือคุณอาจต้องลองเปิดบัญชีกับธนาคารและออมเงินเป็นเวลา 1-2 ปี จะช่วยเรื่องเครดิตและสร้างวินัยการออมให้กับคุณ

หาผู้ร่วมกู้เครดิตดี การมีผู้ร่วมกู้ที่ดูน่าเชื่อถือเช่นผู้ร่วมกู้รับราชการ มีการงานที่มั่นคง จะทำให้ได้รับการพิจารณาปล่อยเงินกู้ได้ง่ายขึ้น
ผ่อนยาวดีกว่าผ่อนระยะสั้น แนะนำให้เลือกระยะเวลาผ่อนชำระแบบยาวๆ ดีกว่าผ่อนแบบระยะสั้นๆ เพราะการผ่อนระยะยาวหมายถึงค่าผ่อนต่องวดมีจำนวนเงินไม่มาก ดังนั้นมันจึงไม่เป็นภาระมากหนัก