
อยากมีบ้าน เหล่า Freelance ควรเตรียมตัวอย่างไร?
"Freelance" คือ อาชีพอิสระ ที่ไม่มีนายจ้างประจำ สามารถที่จะบริหารงาน และเวลาได้ด้วยตัวเราเอง ซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินคำๆ นี้กันบ่อยมากขึ้น ด้วยความที่มีอิสระ ประกอบกับการที่ได้ทำงานที่ตัวเองถนัด จึงทำให้ Freelance เป็นรูปแบบอาชีพที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และหันมาทำงานในรูปแบบนี้กันมากขึ้น
แต่ปัญหาสำหรับการยื่นกู้ หรือขอสินเชื่อบ้าน สำหรับเหล่า Freelance ที่อาจจะต้องเจอ อันเนื่องมาจากสถาบันการเงินที่จำเป็นจะต้องพิจารณาตรวจสอบเอกสารรายได้ ประวัติเครดิต และหลักประกันต่างๆ อย่างรายละเอียด ซึ่งเอกสารบางอย่าง ที่เหล่า Freelance อาจจะขาดตกไป แต่ใช่ว่าจะทำการยื่นกู้สินเชื่อบ้านไม่ได้ จะต้องมีเตรียมตัวให้พร้อมสักเล็กน้อย ซึ่งจะมีวิธีการ และเอกสารอะไรกันบ้าง ตามมาดูกันได้เลย

เอกสารการรับเงิน
เมื่อฟรีแลนซ์ทำงานกับลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นบริษัท ทางบริษัทจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) คุณจำเป็นต้องเก็บรวบรวมไว้ โดยเฉพาะปีที่ยังไม่ได้ยื่นภาษีเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าคุณมีรายได้ และสถาบันการเงินสามารถนำไปคำนวณเงินได้ในปัจจุบันของคุณว่ารายได้ต่อเดือนตกอยู่ที่เท่าไร และเมื่อถึงปลายปีก็สามารถนำยอดรายได้ทั้งหมดไปยื่นภาษีให้ถูกต้องเรียบร้อย

ยื่นภาษีอย่างถูกต้อง
แม้ว่าจะทำอาชีพอิสระแต่การยื่นแสดงภาษีถือเป็นหน้าที่ของคนไทย แม้ว่ารายได้จะไม่ถึงจุดที่ต้องเสียภาษีแต่จำเป็นต้องยื่นแสดง เนื่องจากเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะสามารถยืนยันได้ว่าคุณเป็นผู้มีรายได้ ถ้าหากมีเงินในบัญชีเข้า-ออกเยอะ เอกสารประกอบรายได้ต่างๆ มี แต่ไม่มีเอกสารการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง โอกาสกู้สินเชื่อผ่านถือว่าน้อยมาก

ประวัติเครดิต
ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะประวัติทางการเงินของเรา สามารถบ่งบอกได้ว่าที่ผ่านมาเรามีประวัติการชำระหนี้อย่างไร สำหรับคนที่มีหนี้ เช่น การผ่อนบัตรเครดิต, ผ่อนรถ, ผ่อนสินค้า ฯลฯ ควรจ่ายให้ตรงกำหนด แม้จะจ่ายเป็นเงินขั้นต่ำก็ยังดี และอย่างน้อยในรอบ 1 ปี ก่อนทำเรื่องกู้บ้านคุณควรจ่ายให้ตรงเวลา หรือจ่ายให้หมดไปเลย จะเป็นเรื่องดีที่สุด สำหรับคนที่ไม่เคยมีหนี้เลย ก็ถือว่าไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะประวัติทางการเงินจะขาวสะอาดจนเกินไป สถาบันการเงินจะไม่สามารถอ้างอิงวินัยทางการเงินของเราได้เลย

เงินเดินบัญชี
การเดินบัญชี คือการมียอดเงินเข้า-ออกในแต่ละเดือนอย่างสม่ำเสมอ เงินอาจจะเหลือไม่ต้องเยอะ สถาบันการเงินจะดูเงินเข้ามากกว่าเงินออก ดังนั้นจึงควรรับค่าจ้างหรือค่าบริการผ่านบัญชีให้ได้มากที่สุด ฟรีแลนซ์ที่จะทำเรื่องกู้สินเชื่อ จะต้องใจเย็นและมีวินัย มีการวางแผนทางการเงิน และการเดินบัญชีอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อให้สถาบันการเงินเห็นว่าคุณมีรายได้จริงและมีกำลังผ่อนชำระ หากสินเชื่อผ่านการอนุมัติ

บัญชีเงินออม
ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะการทำอาชีพอิสระนั้น สถาบันการเงินจะมองว่ารายได้ไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นจึงมีบัญชีเงินออม เพื่อแสดงให้ทางสถาบันการเงินได้เห็นว่าเรามีวินัยและบริหารเงินเป็น ด้วยการฝากเงินเข้าบัญชีเงินออมอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กันทุกเดือนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี

สัญญาจ้างงาน
หากคุณเป็นฟรีแลนซ์หรือเอาท์ซอสที่รับงาน สิ่งที่ควรทำคือสัญญาจ้างงาน เพราะเอกสารนี้จะช่วยยืนยันรายได้และที่มาที่ไปของรายได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากคุณเป็น Contractor ที่รับงานกับบริษัทใหญ่ และมีการจ้างแบบมีระยะเวลา เช่น 6 เดือนหรือ 1 ปี คุณจะมีสัญญาจ้างที่ระบุว่าจะจ้างเมื่อไรถึงเมื่อไร รายได้จำนวนเท่าไร ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่แน่นอนในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ดีเท่าเงินเดือน แต่ก็สามารถช่วยให้ผลการอนุมัติเป็นไปในทางที่ดี

สัญญาเช่าออฟฟิศ
สำหรับชาวฟรีแลนซ์ที่เช่าออฟฟิศ หรือ Co working space ในการทำงาน สามารถนำหลักฐานสัญญาเช่าออฟฟิศแนบไปด้วย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสัญญาเช่าออฟฟิศก็ไม่ได้มีความสำคัญมาก เพราะฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่ไม่มีออฟฟิศประจำอยู่แล้ว
จบไปแล้วสำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อการกู้ยื่นขอสินเชื่อบ้านสำหรับสาย Freelance ซึ่งเห็นได้ว่าจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวอยู่พอสมควร ถ้าหากฟรีแลนซ์คนไหนต้องการจะซื้อบ้านแล้วละก็ ควรเตรียมตัวให้ดี ไม่ค้างชำระหนี้ และไม่มีหนี้สินเยอะจนเกินไป การยื่นกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
“ Freelance บริหารทั้งเวลา และงานด้วยตัวเอง
แต่อย่าลืมบริหารการเงินควบคู่ไปด้วย จะช่วยให้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายขึ้น ”