
ผ่อนยังไงให้ไวหมด? กับเคล็ด(ไม่)ลับการผ่อนคอนโดนิเมียม
สำหรับการผ่อนบ้าน หรือคอนโดมิเนียม ถือเป็นหนี้สินที่เยอะ และใช้เวลาในการผ่อนที่ยาวนาน ซึ่งก็คงไม่มีใครที่อยากมีหนี้ค้างคาเป็นภาระติดตัว ยิ่งผ่อนหนี้หมดช้าดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้น อาจจะสร้างความเดือดร้อนด้านการเงินให้กับเราได้ ดังนั้นการผ่อนหนี้ให้หมดไวที่สุดจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ
แต่จะทำยังไงให้ผ่อนได้หมดไวโดยไม่เบียดเบียนตัวเอง และจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้สามารถผ่อนได้เร็วขึ้น วันนี้เราจึงมีเคล็ด(ไม่)ลับมาฝาก ในการผ่อนคอนโดมิเนียมกัน

การรีไฟแนนซ์คืออะไร แล้วทำไมต้องรีไฟแนนซ์ ?
โดยทั่วไปแล้ววิธีที่คนผ่อนบ้านและคอนโดมิเนียมนิยมใช้กันในการลดดอกเบี้ยให้ถูกลง คือการรีไฟแนนซ์ (Re-Finance) ว่าแต่การรีไฟแนนซ์คืออะไรและมีเงื่อนไขยังไงบ้าง เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า
การรีไฟแนนซ์ (Re-Finance) สามารถอธิบายได้แบบง่ายๆ คือ การรีไฟแนนซ์เป็นการขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารเดิม แต่จะเป็นการกู้กับธนาคารใหม่ ซึ่งจะทำให้เราสามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ในราคาที่ถูกลง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องขอรีไฟแนนซ์หลังจากผ่อนไปแล้ว 3 - 5 ปี (แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละธนาคาร) เพราะหากขอรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดก็จะต้องจ่ายค่าปรับ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะปรับที่ 3% ของวงเงินกู้ ดังนั้นก่อนที่จะทำการรีไฟแนนซ์จึงควรศึกษาข้อกำหนดของธนาคารให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์
- ช่วยทำให้ลดดอกเบี้ย
- สามารถยืดระยะเวลาการผ่อนให้ยาวขึ้นได้
- สามารถขอวงเงินเพิ่มได้ (เงื่อนไขแล้วแต่ธนาคาร)
ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์
- ต้องเตรียมเอกสารหลายอย่างเพื่อดำเนินการกับทางธนาคาร
- ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการต่างๆ
จากการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียน่าจะเห็นกันแล้วว่าการรีไฟแนนซ์นั้นน่าสนใจมากทีเดียว และนอกจากการรีไฟแนนซ์แล้วก็ยังมีเคล็ด(ไม่)ลับ ในการผ่อนคอนโดให้หมดไวขึ้นมาฝากกันด้วย

5 เคล็ด(ไม่)ลับ ในการผ่อนคอนโดให้หมดไวขึ้น
ขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคาร
ลูกค้าที่จ่ายค่างวดตรงตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลา 3 ปีขึ้นไป สามารถขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยกับทางธนาคารเจ้าหนี้ได้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากลูกค้าประเภทนี้จัดเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่มีประวัติเสีย จ่ายค่างวดตรงตามเวลา จึงทำให้สามารถยื่นขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เลย โดยจะลดได้มากน้อยแค่ไหนนั้นเงื่อนไขขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของหนี้กำหนด
ส่งค่างวดให้ตรงตามเวลา และเต็มจำนวน
จากที่กล่าวไปในข้อแรก จะเห็นแล้วว่าการส่งค่างวดให้ตรงเวลาและเต็มจำนวนนั้นสำคัญแค่ไหน เพราะเมื่อเรามีวินัยในการชำระเงินค่างวดย่อมเป็นผลดีกับเราเสมอ เมื่อเราจะยื่นขอรีไฟแนนซ์หรือขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็จะสามารถทำได้โดยง่ายนั่นเอง
โปะเงินก้อน
วิธีนี้เป็นวิธีที่หลายๆ คนน่าจะทราบกันดี นั่นคือการนำเงินก้อนมาโปะค่างวด เช่น เงินที่ได้จากโบนัสรายปีก็แบ่งมาโปะค่างวด หรือเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษ เป็นต้น ซึ่งการจะนำเงินก้อนมาโปะค่างวดนั้น ต้องวางแผนการเงินกันให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับรายจ่ายหลัก และหากนำเงินที่ได้ในโอกาสพิเศษมาโปะค่างวดได้บ่อยๆ ก็จะช่วยทำให้สามารถผ่อนคอนโดหมดได้ไวยิ่งขึ้น
รีบโปะเงินในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ
เราควรโปะเงินก้อนในช่วง 1 - 3 ปีแรกที่ผ่อนคอนโดฯ เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยถูกที่สุด ทำให้สามารถลดเงินต้นได้เยอะ ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงในปีหลังๆ หรือหากยังไม่มีเงินก้อนพร้อมโปะในช่วง 1 - 3 ปีแรก ก็ให้ออมเงินไว้รอโปะเงินก้อนหลังจากที่ทำการรีไฟแนนซ์ เพราะหลังจากรีไฟแนนซ์แล้วก็จะได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั่นเอง
ออมเงินจ่ายค่างวดเพิ่มขึ้น 10%
อีกวิธีที่จะทำให้ช่วยผ่อนคอนโดหมดได้ไวขึ้นคือ การจ่ายค่างวดเพิ่มขึ้น 10% จากค่างวดเดิม เช่น ต้องจ่ายค่างวดเดือนละ 15,000 บาท ก็ให้จ่ายเพิ่มอีก 1,500 บาทในทุกเดือน เป็นต้น การจ่ายค่างวดเพิ่มเพียงแค่ 10% นี้จะไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก เนื่องจากเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากและสามารถออมได้ เมื่อชำระแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทุกเดือนก็จะช่วยทำให้สามารถผ่อนหมดได้ไวขึ้นอีกทาง
จบไปแล้วสำหรับเคล็ด(ไม่)ลับ ในการผ่อนคอนโดมิเนียมให้หมดไว ซึ่งใครที่กำลังผ่อนคอนโดอยู่ก็สามารถนำไปใช้ดูได้ เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายได้ รวมถึงการปลดล็อคหนี้ได้ไวยิ่งขึ้น ที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในระยะยาว และช่วยประหยัดเงินของเราไปได้เยอะเลยทีเดียว
“ นอกจากเคล็ด(ไม่)ลับเหล่านี้แล้ว
สิ่งที่สำคัญ ที่เราควรคำนึง คือ การไม่ซื้อคอนโดที่แพงเกินกำลังผ่อน
และวินัยในการจ่ายค่างวด ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อให้กับตัวเอง ”